การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ ต้องทำอย่างไรบ้าง

KaustHub  > Medical >  การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ ต้องทำอย่างไรบ้าง

การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ ต้องทำอย่างไรบ้าง

| | 0 Comments

อย่างที่ทราบกันดีว่า โดยปกติแล้วคนเราสามารถที่จะขับถ่ายปัสสาวะได้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการขจัดของเสียให้ออกไปจากร่างกายโดยผ่านทางปัสสาวะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้สารเคมีต่าง ๆ ในร่างกายมีความสมดุล และร่างกายก็จะสามารถทำงานได้ปกติ แต่ทั้งนี้ก็มีบางคนเหมือนกันที่เมื่อมีอาการเจ็บป่วย จึงไม่สามารถขับถ่ายปัสสาวะได้เอง แพทย์เลยต้องทำการนำเอาสายสวนปัสสาวะมาใช้เปิดท่อปัสสาวะเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะช่วยระบายปัสสาวะออกมา ทั้งนี้เมื่อมีการใส่สายสวนปัสสาวะแล้วก็จะต้องมีการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะให้ดีด้วย แล้ววิธีการดูแลต้องทำอย่างไรบ้าง ในบทความนี้จะมาบอกกัน 

การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ จะต้องมีการดูแลอย่างไรบ้าง 

สำหรับวิธีการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะนั้น ก็จะต้องทำตามวิธีดังต่อไปนี้ 

1. ผู้ดูแลจะต้องให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้ได้วันละ 3000 ซีซี ในกรณีนี้จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อไม่ได้มีการสั่งให้จำกัด หรือควบคุมการดื่มน้ำ 

2. ผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะ ไม่ควรที่จะดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน หรือว่าแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ส่งผลต่อเรื่องของการขับปัสสาวะได้ 

3. ในการดูแลผู้ป่วยนั้น ถุงที่ใช้สำหรับการเก็บปัสสาวะ ผู้ดูแลจะต้องแขวนไว้ให้อยู่ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะไปประมาณ 30 ซม. และไม่ควรเกิน 40 ซม. อีกทั้งจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการดึงรั้งของสายสวนปัสสาวะที่ผู้ป่วยใส่อยู่ด้วย 

4. ผู้ดูแลควรหมั่นทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ป่วย ด้วยการใช้สบู่และน้ำสะอาด โดยจะต้องทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ซึ่งในการทำความสะอาดห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นสิ่งที่จะให้เกิดอาการระคายเคืองขึ้นที่ผิวหนังของผู้ป่วยได้ 

5. ผู้ดูแลควรจะต้องทำความสะอาดบริเวณสายสวนปัสสาวะของผู้ป่วยด้วย โดยจะต้องล้างสายสวนปัสสาวะให้ออกมาทางด้านนอก และจะต้องทำอย่างเบามือมากที่สุด 

6. สำหรับผู้หญิงที่ต้องมีการใส่สายสวนปัสสาวะ ก็จะควรต้องมีการยึดตรึงสายสวนไว้กับหน้าขาข้างใดข้างหนึ่ง  

7. สำหรับผู้ชายที่ต้องมีการใส่สายสวนปัสสาวะในขณะที่นอนบนเตียง ควรจะต้องทำการยึดตรึงสายสวนเอาไว้ในบริเวณหน้าท้อง เพื่อที่จะช่วยให้สามารถระบายปัสสาวะออกไปได้ดี  

8. หากผู้ดูแลพบว่าถุงปัสสาวะสกปรก ก็ให้เปลี่ยนถุงปัสสาวะใหม่ทุกสัปดาห์ หรือหากว่ามีการรั่วซึมของถุงใส่ปัสสาวะแล้ว ก็ให้เปลี่ยนถุงทันที 

9. ผู้ดูแลจะต้องหมั่นเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะให้กับผู้ป่วยทุก ๆ 2 สัปดาห์ 

10. ผู้ดูแลจะต้องคอยสังเกตสายสวนปัสสาวะอยู่บ่อย ๆ เพื่อไม่ให้มีการพับ หรือว่างอ 

11. ในการเทปัสสาวะจากถุงเก็บนั้น ควรที่จะเทปัสสาวะทิ้งอย่างน้อยทุก ๆ 3 ชั่วโมง หรือจะเทเมื่อเห็นว่ามีปริมาณปัสสาวะอยู่ 2 ใน 3 ส่วนของถุงแล้วก็ได้เช่นกัน 

12. ในการเทปัสสาวะทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นก่อนเท หรือว่าหลังเทแล้ว ผู้ดูแลจะต้องล้างมือใหม่สะอาดด้วยทุกครั้ง 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เอง ก็เป็นวิธีการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ ที่ผู้ดูแลผู้ป่วยต้องรู้เอาไว้ เพื่อเป็นการช่วยให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกวิธี และไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมานั่นเอง